ผู้ฆ่าและผู้ถูกฆ่า คุณเลือกอย่างไร ตอน ๒ ตอนจบ
ผู้ฆ่าและผู้ถูกฆ่า คุณเลือกอย่างไร ตอน ๒ ตอนจบ
โดยภาพรวมของมุสลิมอิสลามิกชนก็ออกมาแล้วว่า "รุนแรง" พวกเขาได้รับการปลูกฝังหล่อหลอมความรุนแรงไว้ภายในจิตสำนึกตั้งแต่เยาว์วัย ตามที่ปรากฏเห็นข่าว พวกเขาสามารถพลีชีพฆ่าคนศาสนาอื่น เพื่อศาสนาอิสลามของตนเองได้ทันที ด้วยเหตุนี้ ประเทศบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ชาวแดนอาทิตย์อุทัยเด็ดขาดกับการไม่ต้อนรับศาสนาอิสลามชาวมุสลิมทั้งหลาย ห้ามมิให้ย่างกรายเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นของตนเลย
ประเทศแองโกลาก็ชัดเจนสร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติแรกในโลกที่สั่งแบนศาสนา อิสลาม ด้วยเหตุผลว่าศาสนาอิสลามเป็นศาสนาต้องห้ามมาพร้อมกับความรุนแรงไม่เหมาะสม กับสังคมประชากรของตน
นางออง ซาน ซู จี หัวหน้าพรรคเอ็นแอลดี และเจ้าของรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ก็สั่งห้ามไม่ให้ชาวมุสลิมในพรรคลงสมัครเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวัน ที่ ๘ เดือนพฤศจิกายนอันใกล้นี้
พระพม่านามวิรทู ผู้ได้รับฉายาว่า "พุทธ บิน ลาเดน" ยอมรับตนเองว่า "ฉันภูมิใจที่ถูกเรียกว่าเป็นคนพุทธหัวรุนแรง" ท่านวิรทูก้าวมาเป็นหัวหอกสำคัญสร้างรุนแรงให้เกิดแก่ชาวมุสลิม หลายประโยคที่ท่านวิรทูกล่าวว่า
"ใช้ชีวิตอยู่บนแผ่นดินของเรา ดื่มน้ำนมของเรา แต่ไม่สำนึกในบุญคุณของเรา" "เราต้องดูแลรักษาศาสนาของเรา ชาติพันธ์ุของเรา การดูแลชาติพันธุ์และศาสนาของเราให้ดำรงอยู่ไว้นั้นสำคัญยิ่งกว่า ประชาธิปไตยเสียอีก" "เราอ่อนแอไม่ได้ ถ้าเราอ่อนแอ ดินแดนของเราจะตกเป็นของมุสลิม" "เราพร้อมให้กระดูกมาสร้างเป็นรั้ว หากจำเป็น" และสุดท้ายท่านวิรทูกล่าวว่า
"มองหน้าฉันสิ ฉันไม่ได้มีความเกลียดเจือปนอยู่เลยสักนิด"
เรื่องวีรกรรมวีรชนคนกล้าทำความรุนแรงของท่านพระวิรทูนี้ ท่านผู้มีมโนธรรมสำนึกจอมปลอมกลวงเปล่า เห็นว่าเป็นอย่างไร ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอนใช่ไหม ข้าพเจ้าเองก็ไม่เห็นด้วยกับการทำความรุนแรงโหดร้ายป่าเถื่อนที่เกิดขึ้น นั้น
"ถ้าข้าไม่ตกนรก ใครจะตกนรก" ทราบว่า นี้คือคำพูดของท่านเปาบุ้นจิ้นเทพเจ้าแห่งความยุติธรรม ท่านเปาสั่งประหารชีวิตนักโทษที่ทำชั่วคนแล้วคนเล่า ย่อมทราบว่าเป็นบาปกรรมหนักหน่วง ตัวท่านเปาเองอาจจะไม่รอดพ้นจากขอบปากขุมนรกอย่างแน่นอน แต่ท่านเปาจำต้องกล้าหาญทำ ทั้งนี้ เพื่อความสงบสุขร่มเย็นของอาณาประชาราษฎร์ที่ไม่มีโจรร้ายมาปล้นชิงก่อการ ร้ายทำกรรมชั่วกันอีก ข้าพเจ้าจึงขอชื่นชมความกล้าหาญของท่านเปาบุ้นจิ้นมากกว่าจะตำหนิติเตียน ท่าน เช่นเดียวกับไม่ตำหนิติเตียนท่านวิรทูที่เลือกเดินบนเส้นทางความรุนแรงกับ ชาวมุสลิม ข้าพเจ้ายังรู้สึกเห็นใจท่านเสียด้วยซ้ำ ตัวท่านเองก็รู้ทั้งรู้ว่าตนกำลังทำกรรมอะไรอยู่
ทราบว่า สมัยหนึ่งพระพม่าจับเอาขวานวิ่งไปไล่จามหัวฝรั่งที่สวมรองเท้าเข้าไปเดิน เล่นบนลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง เรื่องนี้มองกันอย่างไร เพียงแค่ครั้งแรกที่ฝรั่งคนหนึ่งสวมรองเท้าเข้ามาเดินเล่นบนลานพระมหาเจดีย์ ชเวดากอง พระพม่าก็รีบจับขวานวิ่งไปไล่จามหัวฝรั่งคนนั้นทันทีเลยใช่ไหม ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น คงเพราะพระพม่าท่านก็บอกแล้วบอกเล่า เตือนแล้วเตือนเล่าว่า "ห้ามสวมรองเท้าเข้ามาเดินเล่นบนลานพระมหาเจดีย์ชเวดากองนะ" แต่ฝรั่งก็ยังอยากลองดีสวมรองเท้าเข้ามาเดินเล่นบนลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง อีก สุดท้ายพระพม่าท่านทนไม่ไหว ต้องใช้กำลังความรุนแรงในขั้นเด็ดขาด แน่นอนตั้งแต่นั้นย่อมไม่เกิดเหตุการณ์ที่ฝรั่งสวมรองเท้าเข้ามาเดินเล่นบน ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากองอีกเลย
ก่อนท่านจะตำหนิติเตียนอะไร มองไปถึงเหตุให้ลึกซึ้งก่อน เหตุนั้นมาอย่างไร ยังไม่ทันมองให้ลึกซึ้ง ท่านก็ด่วนตำหนิติเตียนเสียแล้วว่า "ผิดหลักศาสนา ประจานว่าทำตามหลักศาสนาของตนไม่ได้ ประพฤติปฏิบัติตามไม่ได้ คอยแต่โทษคนอื่น ไม่โทษตนเอง"
นี้คือคำพูดของพระไพศาล วิลาโล ที่แชร์ภาพพร้อมกับข้อความกันมา ข้าพเจ้าขอถอนคำพูดที่เรียกพระไพศาลว่า หลวงพ่อไพศาล พระรูปนี้แสดงออกอย่างนี้ข้าพเจ้าไม่คิดแม้แต่จะยกมือไหว้ น่าเสียดายที่ข้าพเจ้าบอกว่า กราบขอขมาท่าน
ข้อความของพระไพศาลว่า
"หากผู้คนจะนับถือศาสนาพุทธน้อยลง เพราะไปนับถือศาสนาอิสลามมากขึ้นก็ไม่ควรโทษชาวมุสลิมว่ามาแย่งชิงชาวพุทธไป แต่ควรกลับมามองตนเอง เราชาวพุทธได้ทำหน้าที่ของตนเองดีแล้ว หรือมัวแต่โทษคนอื่น จนถึงกับลงไม้ลงมือทำร้ายเขา ฆ่าเขา เผาบ้านเรือนและศาสนาสถานของเขา เท่ากับประจานตนเองว่า ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสอนในศาสนาของตนเองเลย และยิ่งทำให้ผู้คนเสื่อมศรัทธาในพุทธศาสนามากขึ้น"
การหันกลับมาตำหนิติเตียนชาวพุทธของเราเสียเอง ขณะที่ข้าวแดงแกงร้อนท่านก็ได้รับจากชาวพุทธมาโดยตลอด หรือท่านได้รับจากชาวมุสลิมด้วย บรรยากาศตอนนี้บอกได้ว่า มิใช่บรรยากาศมานั่งสงบเสงี่ยมเจียมตนประพฤติปฏิบัติธรรม ความเมตตากรุณาเอื้ออารีย์สงบนิ่งเยือกเย็นของพระภิกษุสงฆ์ในสมัยพระเจ้า อโศกมหาราชและพระภิกษุสงฆ์ชาวนาลันทาก็ทราบกันดีว่า ไม่ช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติจากอัญญเดียรถีย์และศาสนาอิสลามได้เลย
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ชาวพุทธเราไม่ควรเสียงแตกต้องรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว กันสนับสนุนส่งเสริมให้พระพุทธศาสนาบัญญัติเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ แต่กลายเป็นว่าพระไพศาลมาพูดแสดงความคิดเห็นเสียอย่างนี้ ประหนึ่งว่ามีมโนธรรมสำนึกเมตตาอารีย์สูงส่ง จะให้ข้าพเจ้ารู้สึกอย่างไร ยังเคารพนับถือพระรูปนี้ที่มีอายุพรรษามากกว่าตนอยู่อย่างนั้นใช่ไหม
ทราบว่า พระไพศาลเคยร่วมทำงานกับต่างศาสนามิใช่ศาสนาพุทธ ขอฝากคำถามนี้ไปถึงพระไพศาล วิสาโล ช่วยตอบสักหน่อย ใช่หรือไม่ใช่.